วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564

อันเนื่องมาจากโควิด 19

 การมาของเชื้อไวรัสนี้เกือบสองปีแล้ว ที่โลกเราก็ยังเผชิญกับพิษภัยของไวรัสนี้ ทั้งทางตรงที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยไข้และ ทั้งมีอาการและไม่มีอาการ แต่ที่อาการหนักถึงกับเสียชีวิตประมาณ 2% จากยอดของผู้ติดเชื้อ ส่วนความเสียหายทางอ้อมมีมากกว่ามาก อันเนื่องมากจากพิษเศรษฐกิจที่ทำให้คนว่างงาน และไม่สามารถเปิดดำเนินการตามปกติ คาดกันว่าคนเสียชีวิตประสาเหตุทางเศรษฐกิจน่าจะมากกว่าเสียอีก ไม่จำกัดเฉพาะประเทศยากจน ประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายก็เช่นกันแต่อาจจะไม่มีใครเก็บสถิติไว้เป็นทางการ มีแต่เพียงการคาดการณ์

วิกฤตการณ์ครั้งนี้ตอนแรกก็คิดว่าประเทศยากจนน่าจะเกิดการระบาดหนักกว่าประเทศที่รำรวยกว่า แต่ตามตัวเลขที่มีการรายงานจนถึงปัจจุปันกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามประเทศที่ว่าพัฒนาแล้วมีอันจะกินทั้งหลายกลับมีการติดเชื้อและเสียชีวิตหนักหน่วงกว่าประเทศยากจนด้อยพัฒนาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นถือว่ามีระบบสาธารณะสุข การดูแลสุขภาพของประชาชนน่าจะดีกว่า แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องน่าคิดน่าศึกษาว่าเพราะอะไรกันแน่ถึงได้เป็นแบบนี้  ที่คาดเดากันได้ไม่ยากว่าเพราะมีการติดต่อสัมพันธ์กันมาก มีกิจกรรมมากทำให้ติดเชื้อกันได้ง่าย ดังจะเห็นว่าการล็อกดาวห์ไม่ให้มีการติดต่อถึงกันมากเท่าใดก็สามารถลดการแพร่เชื้อได้มากเท่านั้น  

แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสโควิด19 และที่กลายพันธ์ทำให้ติดกันง่ายขึ้น แม้ว่าจะสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ก็ยังมีโอการเผลอเรอติดเชื้อก้นได้ไม่ทางใดก็ทางหนี่ง แม้ว่ารักษาหายแล้วก็ยังอาจกลับมาติดเชื้อใหม่ได้ หรือแม้กระทั่งที่ฉีดวัคซินไปแล้วก็ยังทำให้เกิดการติดเชื้อถ้าภูมคุ้มกันขึ้นไม่มากพอ อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ได้รับวัคซีนแล้วนั้นอาการของโรคจะลดลง การเสียชีวิตก็จะน้อยตามลงไป ทำให้่เชื่อได้ว่ายิ่งฉีดวัคซินให้ครบอย่างน้อย 70% ของประชากร แล้วจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ลงได้  ประเทศต่างๆ จึงเร่งพยามหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน  ต้องยอมรับว่าประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินการพัฒนาวัคซิน โควิด 19 ขึ้นมาได้สำเร็จ แม้ว่าการทดสอบยังไม่ละเอียด แต่ก็นำมาใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน การกระจายวัคซินไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะประเทศที่ไม่ได้เตรียมในการจัดหาวัคซินแต่เนิ่นๆ 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะฉีดวัคซินให้ประชาชนเกินจำนวน 70% แล้วก็ตามแต่ก็ยากที่จะขจัดให้หมดเชื้อไปโดยสิ้นเชิง ดังจะเป็นรายงานประเทศที่ฉีดมากที่สุดแล้วก็ยังมีรายงานการติดเชื้ออยู่ไม่มากก็น้อย มีบางประเทศได้ลดมาตรการเข้มงวดหรือผ่อนปรนให้ธุรกิจดำเนินไปได้ บางประเทศถึงขั้นประกาศเลิกใช้หน้ากาก หรือให้ใช้เฉพาะบางที่ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าวัคซินป้องกันได้หรือไม่ หรือว่าต้องระมัดระวังกันต่อไปจนกว่าจะมียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และเมื่อถึงตอนนั้นไวรัสโควิด 19 คงจะเหมือนกันไวรัสไข้หวัดทั่วไป  เมื่อไรจะถึงวันนั้นที่ไม่ต้องฉีดวัคซีน สามารถเดินทางติดต่อสัมพันธ์กันได้ตามปกติ ซึ่งถือได้ว่าเราชนะภัยจากโรคร้ายนี้ หรือว่ามนุษย์อาจไม่มีทางที่จะเอาชนะมันได้ ซึ่งหมายถึงจุดจบของมวลมนุษย์ชาตินั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เว็บบล็อกนี้เผยแพร่ความรู้สร้างความเข้าใจ ความรู้ทางการศึกษาด้านต่างๆ ในรูปของสื่อดิจิทัล ที่อาจเป็นหนังสือสิ่งพิมพ์ สื่อเรียนรู้มัลติมีเดีย โดยเลือกมาจากแหน่งต่างๆ ที่เผยแพร่ รวมทั้งที่จัดทำขึ้นเองและจากผู้ต้องการเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา คลิกที่ภาพหรือลิงค์ ในภาพที่ลงไว้ในแต่ละบล็อกก็สามารถเข้าสู่เนื้อหาหรือเรียนรู้ได้